วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

so ... that - มาก(ซะ)จน ...

สวัสดีค่ะ วันนี้มีคำที่ใช้แสดงถึงเหตุและผลมาฝากกัน
นั่นคือ so ... that นั่งเอง ในช่องว่างระหว่าง so ... that
สามารถเติมคำคุณศัพท์ (Adjectives) หรือคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ก็ได้ค่ะ

ถ้าใครยังงงๆ หรือไม่แน่ใจกับคำทั้งสองประเภท ก็สามารถเลื่อนดูบทความเก่าได้
ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวามือ ตรงคลังบทความของบล็อกค่ะ

การใช้ so ... that กับคำคุณศัพท์ให้ใช้กับ verb to be เพื่อขยายคำนามหรือสรรพนามข้างหน้า
ส่วน so ... that กับคำกริยาวิเศษณ์ ให้ใช้กับคำกริยา เพื่อขยายคำกริยานั้น
โครงสร้างคือ so + adj./adv. + that + clause
clause คือ อนุประโยคที่มีประธานและกริยาเป็นของตัวเอง
แต่ไม่สามารถวางไว้เพียงลำพังในประโยคได้ ต้องมีประโยคใจความหลักด้วย

เรามาลองดูตัวอย่างการใช้คำนี้ในประโยคทั้งสองแบบกันเลยค่ะ

- The tea is so hot that I can't drink it. (ชามันร้อนจนฉันดื่มไม่ได้เลย)
ใช้ so ... that กับ hot ซึ่งเป็น Adjective วางไว้หลัง is เพื่อขยาย tea

- The Professor speaks so fast that I can't understand her.
(ศาสตราจารย์พูดเร็วมากซะจนฉันไม่เข้าใจเธอเลย)
ใช้ so ... that กับ fast ซึ่งเป็น Adverb วางไว้หลังกริยา speaks เพื่อขยาย speaks

- I'm so hungry that I can eat all of the food on that table.
(ฉันหิวมากซะจนสามารถกินอาหารทั้งหมดบนโต๊ะนั่นได้)
ใช้ so ... that กับ hungry ซึ่งเป็น Adjective วางไว้หลัง am เพื่อขยาย I

- Jeff walked so quickly that I couldn't keep up with him.
(เจฟเดินเร็วมาก จนฉันเดินตามเขาไม่ทันเลย) * keep up with [PHRV.] : ตามทัน
ใช้ so ... that กับ quickly ซึ่งเป็น Adverb วางไว้หลังกริยา walked เพื่อขยาย walked

อ้อ ถ้าอยากแปล so ... that ให้เป็นทางการหน่อย ก็แปลว่า มากจนกระทั่ง ... ก็ได้ค่ะ

นอกจากนี้ เรายังใช้ so ... that กับคำบอกจำนวน many, few, much และ little ได้ด้วยค่ะ
ซึ่งถ้าใช้กับคำบอกจำนวน ต้องตามด้วยคำนาม
โครงสร้างคือ so + many, few, much, little + n. + that
แต่ก่อนที่จะใช้ เราก็ต้องแยกให้ได้ก่อน ว่าคำไหนใช้งานยังไง
many (มาก) ใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์ / few (เล็กน้อย) ใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์
much (มาก) ใช้กับคำนามนับไม่ได้ / little (เล็กน้อย) ใช้กับคำนามนับไม่ได้
** ต้องระวังในการเลือกใช้คำนามนะคะ

มาลองดูตัวอย่างประโยคประเภทนี้กันค่ะ

- I made so many mistakes that I failed the exam.
(ฉันทำข้อผิดพลาดเยอะซะจนฉันสอบไม่ผ่าน)

- The new student has so few friends that he is always lonely.
(นักเรียนใหม่มีเพื่อนน้อยมาก จนเขามักจะเปล่าเปลี่ยวอยู่ตลอด)

- My boss has so much money that she can buy whatever she wants.
(เจ้านายของฉันมีเงินมาก จนเธอสามารถซื้ออะไรก็ตามที่เธอต้องการ)

- The article had so little current information that it wasn't useful.
(บทความนี้มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันน้อยมากซะจนไม่เป็นประโยชน์เลย)


โอ้โห เขียนไปเขียนมายาวซะงั้น 55555
งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนเนอะ ไว้เจอกันครั้งหน้า ถ้าใครมีข้อสงสัย หรืออยากให้เขียนเรื่องอะไร
ก็คอมเม้นต์ไว้ หรือถ้าจะให้ดีก็กดไลก์เพจ facebook แล้วทัก inbox มาก็ได้ค่ะ
เพราะถ้าทิ้งคอมเม้นต์ไว้ พลอยอาจจะไม่เห็น ตอบทาง inbox สะดวกกว่าค่ะ
ไปจริงๆแล้วนะคะ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยย ★(◕‿◕❀)

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

be about to กำลังจะ...

สวัสดีค่าาาาาาาาาาา วันนี้เอาวลี be about to มาฝากกัน
วลีนี้ใช้บอกถึงสิ่งที่เราจะทำในอนาคตอันใกล้ ใกล้มากๆ ภายในไม่กี่นาทีหรือวินาทีข้างหน้า

โครงสร้างของประโยคคือ S. + be + about to + V.inf
* be นี่ก็คือ is, am, are นั่นเองค่ะ
** V.inf (Verb Infinitive คือคำกริยารูปพื้นฐาน ที่ไม่ผันและไม่เปลี่ยนรูป)

เรามาดูตัวอย่างประโยค และตัวอย่างสถานการณ์กันเลย

- Jane's bag is packed. She is wearing her coat. She's about to leave for the airport.
(กระเป๋าของเจนถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว เธอกำลังสวมเสื้อคลุม เธอกำลังจะออกไปสนามบิน)

- The phone is ringing. Tom is about to answer the phone.
(โทรศัพท์ดัง ทอมกำลังจะรับโทรศัพท์)

- The children have just finished their dinner.
Now they're full and sleepy. They're about to sleep.
(เด็กๆ เพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ ตอนนี้พวกเขาอิ่มและง่วง พวกเขากำลังจะหลับแล้ว)

- A monkey is holding a banana. I think the monkey is about to eat it.
(ลิงกำลังถือกล้วยอยู่ ฉันคิดว่าลิงตัวนั้นกำลังจะกินกล้วย)

- Anne's sitting in a chair in the living room.
She has her favorite book in her hands. She is about to read it.
(แอนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น เธอมีหลังสือเล่มโปรดอยู่ในมือ เธอกำลังจะอ่านมัน)

จากตัวอย่างข้างบน พอจะเห็นภาพและสังเกตถึงการใช้งานได้แล้วใช่มั้ยคะ
ลองเอาไปใช้ดูค่ะ ฝึกแต่งประโยค ฝึกพูดบ่อยๆ จะได้คุ้นเคยกับโครงสร้างของประโยค
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ ไปแล้วนะ บ๊ายบายยยยย ˋ( ° ▽、° )♡.




วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Contact vs. Contract

สวัสดีค่ะ วันนี้หยิบสองคำที่คล้ายๆกันมาฝากอีกแล้ว หุหุ
นั่นคือ Contact และ Contract ต่างกันแค่ตัว "r" เองนะ
เรามาดูความหมายของทั้งสองคำเลยดีกว่า

Contact [v.] : ติดต่อ, ติดต่อสื่อสาร
เราจะคุ้นกับ contact ที่เป็นคำกริยาและคำนามซะส่วนมาก
เพราะเห็นกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน  มาดูตัวอย่างประโยคกันเลย
- Please feel free to contact me anytime.
(ติดต่อฉันได้ทุกเวลาเลย ไม่ต้องเกรงใจ)
- I'll contact a lawyer tomorrow.
(ฉันจะติดต่อทนายวันพรุ่งนี้)
- He won't contact you directly.
(เขาจะไม่ติดต่อคุณโดยตรง)

ส่วน Contact [n.] : การติดต่อ, ช่องทางการติดต่อ
มาดูตัวอย่างประโยคค่ะ
- She has been in contact with Alex for four months.
(เธอได้ทำการติดต่อกับอเล็กซ์มาเป็นเวลาสี่เดือนแล้ว)
- Make contact when it is convenient.
(ตอนไหนสะดวกก็ทำการติดต่อมานะ)
- An officer gave me a contact phone number in case of an emergency.
(เจ้าหน้าที่ให้เบอร์โทรศัพท์กับฉัน เพื่อติดต่อในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน)

Contract [n.] : สัญญา, ข้อตกลง
คำนี้เป็นคำนาม มาดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- This contract is usually renewed from year to year.
(สัญญานี้มักจะต่อปีต่อปี)
- You had better read the contract thoroughly before signing it.
(คุณควรอ่านสัญญาให้ละเอียดก่อนที่จะเซ็นมัน)
- The two companies are negotiating a new contract.
(บริษัททั้งสองแห่งกำลังเจราจาต่อรองสัญญาฉบับใหม่กันอยู่)

เมื่อเรารู้ความหมายของสองคำนี้แล้ว ก็เลือกใช้ให้ถูกกับบริบท
หรือเหมาะสมกับความหมายที่เราต้องการจะสื่อได้แล้วเนอะ
ลองเอาไปใช้บ่อยๆ ฝึกแต่งประโยคบ่อยๆ จะทำให้เราชินกับโครงสร้างของประโยคมากขึ้น
สู้ๆ ค่ะ ภาษาอังกฤษไม่ยากถ้าตั้งใจ ศึกษาไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งสนุกค่ะ เชื่อพลอย ★(◕‿◕❀)
วันนี้ไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้าน้าาาาาาา ❤‧:❉:‧ .。.:*・❀●•♪.。




วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Exit vs. Exist

สวัสดีค่ะ วันนี้มีสองคำที่ถ้าเราอ่านเผินๆ อาจจะมองไม่เห็นความแตกต่าง
ตอนสอน เด็กๆก็มักจะสับสน และแปลความหมายคลาดเคลื่อนตลอดเลย
เอาเป็นว่า เรามาทำความเข้าใจกับสองคำนี้กันเลยค่ะ (๐^.^๐)

Exit (n.) : ทางออก
เราจะคุ้นกับคำนี้มาก เพราะเห็นบ่อยตามอาคาร ลานจอดรถ
ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ในโรงเรียนก็ยังมีเลยค่ะ
ลองดูตัวอย่างประโยคกันเลย
- Please use this exit when there is a fire.
(โปรดใช้ทางออกนี้ เมื่อเกิดเพลิงไหม้)
- Where is the exist?
(ทางออกอยู่ที่ไหน?) เอาไว้ใช้ถามในกรณีที่หาทางออกไม่เจอ
- This building has an emergency exit.
(ตึกนี้มีทางออกฉุกเฉิน)
- The mall is so big that I can't find the exit.
(ห้างนี้ใหญ่จนฉันหาทางออกไม่เจอ)

ส่วน exit ที่เป็นคำกริยา แปลว่า ออกไป, ออกไปจาก, ออกจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ซึ่งเราก็เห็นกันบ่อยๆ เวลาเราใช้คอมพิวเตอร์ ได้ลองสังเกตกันบ้างมั้ยคะ

Exist (v.) : ดำรงอยู่, มีอยู่, มีชีวิตอยู่
คำนี้จะมีตัว s ซ่อนอยู่นะคะ ต้องดูให้ดีก่อนแปลความหมายด้วย
ลองดูตัวอย่างประโยคค่ะ
- Dinosaurs existed millions of years ago.
(ไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่หลายล้านปีมาแล้ว)
- Do you believe that ghosts exist?
(คุณเชื่อไหมว่าผีมีจริง?) << เชื่อค่ะ 5555
- No animals can exist without plants.
(ไม่มีสัตว์ตัวใด มีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากพืช)
- This project cannot exist without you.
(โครงการนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นหรือมีอยู่ได้เลย ถ้าไม่มีคุณ)

เป็นไงบ้างคะ เห็นความแตกต่างของทั้งสองคำนี้กันแล้วเนอะ
คำหนึ่งเป็นนาม คำหนึ่งเป็นกริยา การวางตำแหน่งในประโยคก็จะต่างกัน
เรื่องการวางตำแหน่งก็สำคัญนะคะ จะทำให้เรารู้ว่าคำนั้นเป็นคำประเภทไหน
เราก็จะแปลความหมายได้ถูกต้อง และสอดคล้องกับบริบทมากขึ้นด้วยค่ะ

วันนี้พลอยต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ บ๊ายบาย ☆·.¸¸.·´¯`·.¸¸.¤ ~♡のⓛⓞⓥⓔ♡~







วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Quiz : Adjectives vs. Adverbs

สวัสดีค่ะ เตรียมตัวพร้อมสำหรับทำแบบทดสอบกันรึยังคะ
ถ้าใครอยากทบทวนอีกรอบ ก็สามารถเลือกอ่านบทความของทั้งสองเรื่อง
ได้ที่ คลังบทความของบล็อก ด้านขวามือค่ะ

เอาล่ะค่ะ มาเริ่มเข้าเนื้อหาของแบบฝึกหัดกันเลยยยยยย \(‵▽′)/.

Part 1 : Circle the correct adjective or adverb.
I walked (1) slow / slowly to the bus stop. It was a (2) beautiful / beautifully day.
At the bus stop, I met a (3) happy / happily girl. She talked (4) polite / politely to
me. She was a (5) famous / famously climber from Austria. She talked (6) slow / 
slowly because her English wasn't very (7) good / well. The bus came, but it didn't stop, so we waited (8) patient / patiently for the next one.

Part 2 : Write the adverbs
1. careful - ____________
2. loud - ______________
3. angry - _____________
4. happy - _____________
5. hard - ______________
6. bad - _______________
7. polite - _____________
8. good - ______________

Part 3 : Rewrite the sentences by using adverbs.
Example : He's a careless writer. - He writes carelessly.
1. She's a beautiful dancer. - ________________
2. He's a fast talker. - ______________________
3. I'm a hard worker - ______________________
4. You're bad drivers - ______________________
5. We're good players. - _____________________
6. They are careful climbers. - ________________

Part 4 : Correct the sentences.
1. It was a terribly blizzard. - __________________
2. She was loudly shouting. - __________________
3. You speak English goodly. - _________________
4. They waited patient for the bus. - _____________
5. I studied hardily for my exams. - _____________

*.:。*゚‘゚・.。.:* *.:。*゚’゚・.。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:* *.:。*゚¨゚・ .。.:*
มาดูเฉลยกันค่ะ

Part 1
1. slowly ขยาย walked
2. beautiful ขยาย day
3. happy ขยาย girl
4. politely ขยาย talked
5. famous ขยาย climber
6. slowly ขยาย talked
7. good ขยาย English
8. patiently ขยาย waited

Part 2
1. carefully
2. loudly
3. angrily
4. happily
5. hard
6. badly
7. politely
8. well

Part 3 
1. She dances beautifully.
2. He talks fast.
3. I work hard.
4. You drive badly.
5. We play well.
6. They climb carefully.

Part 4
1. แก้ terribly เป็น terrible เพราะขยายคำนาม blizzard
2. สลับที่ loudly กับ shouting เป็น She was shouting loudly.
3. แก้ goodly เป็น well
4. แก้ patient เป็น patiently เพราะขยายคำกริยา waited
5. แก้ hardily เป็น hard เพราะ hard ไม่เปลี่ยนรูป

เป็นยังไงบ้างคะ สนุกกันมั้ย อิอิ ถ้ามีข้อไหนสงสัย หรือยังไม่เข้าใจ
ก็สามารถถามพลอยได้โดยตรงเลยนะคะ เพียงแค่กดไลก์เฟสบุค
แล้ว inbox เข้ามาถามได้เลย ไม่ต้องเกรงใจค่ะ วันนี้พลอยไปก่อนนะคะ
ไว้ครั้งหน้ามาเจอกันใหม่ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา จุ๊บ (๐^.^๐)

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Adverb คืออะไร?

สวัสดีค่ะ ครั้งก่อนพลอยทิ้งท้ายเรื่อง Adverbs ไว้ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ

Adverbs คือ คำกริยาวิเศษณ์
ทำหน้าที่ขยายคำกริยา, คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์ด้วยกันเอง
Adverbs มีหลายประเภท เช่น adverbs of time, adverbs of place,
adverb of frequency, adverb of manner, adverbs of degree etc.

วันนี้พลอยจะกล่าวถึง Adverbs of Manner ค่ะ
Adverbs of Manner คือคำที่ใช้ขยายลักษณะ ท่าทาง อาการ สถานะ หรือคุณภาพ
คำกริยาวิเศษณ์ส่วนใหญ่มักลงท้ายด้วย -ly คือเติม -ly ต่อท้ายคำคุณศัพท์
และเวลาแปลว่าความหมาย มักจะมีคำว่า "อย่าง" นำหน้า เช่น
➸ beautiful (adj.) - beautifully (adv.) อย่างสวยงาม
➸ careless (adj.) - carelessly (adv.) อย่างสะเพร่า, อย่างประมาท
➸ rapid (adj.) - rapidly (adv.) อย่างรวดเร็ว

มีกฎการเติม -ly นิดหน่อยค่ะ คือ
1. ส่วนมากสามารถเติม -ly ท้ายคำคุณศัพท์ได้เลย เช่น loud - loudly
2. ถ้าคำคุณศัพท์นั้น ลงท้ายด้วย -y ให้เป็น -y เป็น -i แล้วเติม -ly เช่น easy - easily
3. คำคุณศัพท์บางคำเปลี่ยนรูป เช่น good - well
4 คำบางคำเป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ เช่น early, late, fast, hard เป็นต้น

สามารถวาง Adverbs of Manner ไว้ได้สองตำแหน่งในประโยค คือ
1. วางไว้หลังคำกริยาที่ขยายทันที
2. วางไว้หลังกรรมสั้นๆ ของกริยาที่ขยาย
แต่บางครั้งวางไว้หน้าคำกริยาที่ขยายก็ได้ แต่ไม่ค่อยบ่อยนัก

ลองดูตัวอย่างประโยคกันดีกว่าค่ะ
- She speaks English and Chinese fluently.
(เธอพูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว)
- He usually drives carefully.
(เขามักจะขับรถอย่างระมัดระวัง)
- Susan sings and plays the piano beautifully.
(ซูซานร้องเพลงและเล่นเปียโนอย่างไพเราะ)
- Sam eagerly accepted the challenge.
(แซมรับคำท้าอย่างกระตือรือร้น)
- I came to school late yesterday.
(ฉันมาโรงเรียนสายเมื่อวานนี้)

เป็นยังไงกันบ้าง พอจะแยกความแตกต่างของคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ได้แล้วใช่มั้ยคะ
ครั้งหน้าพลอยจะเอา Quiz เรื่อง Adjectives และ Adverbs มาให้ลองทำ
เป็นการฝึกและทบทวนความเข้าใจอีกครั้งค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ
ไปแล้วค่ะ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยย ╮( ̄▽ ̄)╭♡.

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Adjective คืออะไร?

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยมาพร้อมกับหนึ่งใน Parts of Speech
นั่นก็คือ Adjective คำคุณศัพท์นั่นเองค่ะ

เรามาดูหน้าที่และตำแหน่งของคำนี้กันดีกว่า
คำคุณศัพท์ทำหน้าที่ ขยายคำนามและคำสรรพนาม เพื่อบอกลักษณะเพิ่มเติม
สามารถวางไว้ได้สองตำแหน่งในประโยค คือ
1. วางไว้หน้าคำนามที่จะขยาย เช่น black car (รถสีดำ ซึ่ง black ทำหน้าที่ขยาย car)
2. วางไว้หลัง Linking Verbs เพื่อขยายคำที่อยู่หน้า Linking Verbs นั้น เช่น 
That phone is expensive. (โทรศัพท์เครื่องนั้นแพง ซึ่ง expensive ขยาย that phone)

เราสามารถสังเกตุจาก suffixes (ส่วนประกอบหลังคำหลักหรือคำต่อท้าย)
ได้ว่าคำไหนเป็นคำคุณศัพท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องสังเกตุตำแหน่งด้วย
เพราะบางคำที่ลงท้ายด้วย suffixes พวกนี้ ก็อาจไม่ใช่คำคุณศัพท์เสมอไป

Suffixes ที่ว่านี่ก็มี ...
➼ ful เช่น beautiful, peaceful, colorful, cheerful, wonderful, awful
➼ al เช่น local, principal, physical, dental, fatal, royal
➼ able เช่น countable, comfortable, valuable, capable, predictable
➼ ic เช่น fantastic, ethnic, athletic, basic, historic, scientific
➼ ish เช่น selfish, foolish, girlish
➼ ial เช่น essential, potential, facial, imperial, armorial
➼ ive เช่น positive, negative, competitive, creative, productive
➼ ing เช่น interesting, exciting, embarrassing, boring, amazing, surprising
➼ ical เช่น identical, political, ecological, electrical, tropical, radical
➼ ous เช่น generous, dangerous, famous, nervous, enormous
➼ ory เช่น satisfactory, amatory, auditory, advisory, admonitory
➼ ly เช่น lovely, early, friendly, daily, elderly, monthly
➼ less เช่น careless, hopeless, helpless, homeless, useless, powerless
➼ ed เช่น interested, excited, embarrassed, bored, fascinated
➼ y เช่น easy, crazy, rainy, messy, funny, dirty

ลองดูตัวอย่างประโยคที่มีคำคุณศัพท์กันค่ะ
- The euro is the official currency of the European Union.
(ยูโรคือสกุลเงินที่เป็นทางการของสหภาพยุโรป)
- I have dual nationality, Brazilian and German.
(ฉันมีสองสัญชาตินะ สัญชาติบราซิลและเยอรมัน)
- She seemed to be tired yesterday.
(เมื่อวานเธอดูเหนื่อย)
- Phuket is famous for its beaches and nightlife.
(ภูเก็ตมีชื่อเสียงในเรื่องชายหาดและการท่องเที่ยวยามค่ำคืน)

วันนี้เนื้อหาก็ยาวมากแล้วเนอะ ลองฝึกแต่งประโยคบ่อยๆ
จะได้ชินกับตำแหน่งและรูปของคำคุณศัพท์มากขึ้นค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้า พลอยจะมาเขียนเรื่อง Adverbs (คำกริยาวิเศษณ์)
ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะคะ ไปแล้วค่ะ จุ๊บ (●*∩_∩*●)

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Pretty แค่น่ารักอย่างเดียวเหรอ?

สวัสดีค่ะ วันนี้หยิบคำว่า Pretty มาฝาก
หนุ่มๆ อาจจะรู้จักกันดีแล้วเนอะ 5555

มาๆ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก็เหมือนที่หลายคนทราบอยู่แล้วว่า Pretty แปลว่า น่ารัก
คนก็เลยนำคำนี้มาใช้กับสาวๆ ที่สวย น่ารัก น่ามอง
แต่คำนี้ยังมีอีกหนึ่งความหมาย คือ ค่อนข้าง
อ้าว! แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ที่แปลว่า น่ารัก และเมื่อไหร่ที่แปลว่า ค่อนข้าง
งั้นเรามาช่วยกันแยกเลยดีกว่าค่ะ

Pretty [adj.] : น่ารัก, น่ามอง, งดงาม
คำนี้เป็นคำคุณศัพท์ ขยายคำนามและคำสรรพนาม
มักวางไว้หน้าคำนาม และ Linking Verbs
ลองดูประโยคตัวอย่างกันค่ะ
- Your sister is smart and pretty. (น้องสาวคุณฉลาดและน่ารักด้วย)

- He can't take his eyes off her pretty face.
(เขาไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าที่น่ามองของเธอได้) << แอบเขินแทน

- I saw a pretty little girl crying when I went to the park yesterday.
(ฉันเห็นเด็กผู้หญิงน่ารักกำลังร้องไห้อยู่ ตอนที่ฉันไปสวนสาธารณะเมื่อวานนี้)

Pretty [adv.] : ค่อนข้าง
คำนี้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ ใช้ขยายคำกริยาและคำคุณศัพท์
มักวางไว้หน้าคำกริยาและคำคุณศัพท์ที่จะขยาย
ลองดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- The test that we took yesterday was pretty hard.
(ข้อสอบที่เราทำเมื่อวานนี้ ค่อนข้างยาก)

- This documentary looks pretty interesting. (สารคดีนี้ค่อนข้างน่าสนใจนะ)

- That guy seems pretty fond of you. (ผู้ชายคนนั้น ดูค่อนข้างชอบเธอนะ)

- I'm pretty sure that he will be here soon. (ฉันค่อนข้างแน่ใจว่า เขาจะมาที่นี่เร็วๆนี้)

อยากให้สังเกตการวางตำแหน่งของสองคำนี้ดีๆนะคะ
เพราะตำแหน่งจะทำให้เรารู้ว่าคำนี้เป็น adj. หรือ adv.
ถ้าเรารู้ประเภทของคำ เราก็จะแปลความหมายได้ถูกต้องค่ะ

วันนี้เเนื้อหาเบาๆ สบายๆ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ  (^_^)/      ♡.




วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Swallow vs. Swollen

สวัสดีค่ะ วันนี้มีสองคำที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนมาฝากกัน
เพราะเวลาสอน เด็กๆก็มักจะแปลผิดและจำสลับกัน หุหุ
เอาเป็นว่า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ

Swallow [v.] (ซวอล'โลวฺ) : กลืน, เขมือบ
คำนี้เป็นคำกริยา ใช้เพื่อแสดงการมีอยู่ของประธาน มักจะตามหลังประธาน
ลองดูตัวอย่างประโยคค่ะ
- What is the biggest thing a blue whale can swallow?
(อะไรคือสิ่งที่ใหญ่ที่สุด ที่วาฬสีน้ำเงินสามารถกลืนได้?) << อันนี้ต้องลองกูเกิ้ลหาคำตอบ อิอิ

- This medicine is hard to swallow. (ยานี้กลืนยากจัง)

- She tried to swallow the whole cake that insisted on staying in her throat.
(เธอพยายามที่จะกลืนเค้กทั้งชิ้นที่ติดคอเธออยู่) << เห็นภาพเลย 5555

ถ้า swallow เป็นคำนามจะมีความหมายว่า นกนางแอ่น ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ
- A swallow is flying overhead. (นกนางแอ่นตัวหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือหัว)

- Swallows are small with pointed narrow wings, short bills and small weak feet.
(นกนางแอ่นตัวเล็ก ปีกมีทรงแหลมแคบ ปากสั้น และมีเท้าที่เปราะบาง)

Swollen [adj.] (ซโว'เลน) : บวม, พองตัว, ขยายใหญ่
คำนี้เป็นคำคุณศัพท์ มีหน้าที่ขยายคำนามและคำสรรพนาม มาดูตัวอย่างประโยคกันเลยค่ะ
- He touched his swollen arm. (เขาจับแขนบวมๆของเขา)

- Her eyes were swollen and red. (ตาของเธอบวมและแดง)

- My feet are swollen because my boots are too small.
(เท้าฉันบวม เพราะรองเท้ามันเล็กเกินไป)

เป็นยังไงคะ เห็นความแตกต่างของสองคำนี้แล้วเนอะ
จะได้ไม่สับสนกันอีกต่อไป ทีนี้ก็เหลือแค่ฝึกใช้กันบ่อยๆ
เดี๋ยวก็ชินและเก่งเองค่ะ สู้ๆ (๐^.^๐)

ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ ไปแล้ว ฟิ้วววววววววววววววววว ♡.

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Personal vs. Personnel

สวัสดีค่ะ วันนี้มาช้าหน่อย และมาพร้อมกับสองคำนี้ค่ะ
Personal และ Personnel มองเผินๆ ก็คล้ายกัน ออกเสียงก็ใกล้เคียงกัน
เลยอาจจะทำให้สับสนกันได้ง่าย งั้นเรามาเรียนรู้สองคำนี้ไปพร้อมกันเลยค่ะ

Personal [adj.] (เพอ'ซะเนิล) : ส่วนตัว, ส่วนบุคคล
คำนี้เป็นคำคุณศัพท์ค่ะ มีหน้าขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
สามารถวางไว้ได้สองตำแหน่ง คือ หน้าคำนามที่ขยาย และหลัง Linking Verbs
ซึ่ง Verb to be ก็ถือเป็น Linking Verbs ตัวหนึ่ง
ลองมาดูตัวอย่างประโยคกันเลยค่ะ

- Would you mind if I asked you some personal questions?
(คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวสักหน่อย?)
จากประโยคนี้ personal วางไว้หน้าคำนาม questions
เพื่อขยายว่า คำถามนั้นเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวนั่นเองค่ะ

- This file is personal, so I don't want anyone to open it.
(ไฟล์นี้เป็นไฟล์ส่วนตัว ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการให้ใครเปิดมัน)
ประโยคนี้ personal วางไว้หลัง verb to be เพื่อขยายคำที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งก็คือ file นั่นเองค่ะ

❋ Personnel [n.] (เพอซะเนล') : เจ้าหน้าที่, พนักงาน, บุคลากร
คำนี้เป็นคำนาม และใช้กับคำกริยาพหูพจน์ค่ะ ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ
- Their personnel are very highly educated.
(พนักงานของพวกเขา มีการศึกษาสูงมาก)

บางครั้งคำนามก็สามารถทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ ขยายคำนามด้วยกันเองก็ได้ เช่น
- You have to send your resume to our personnel department.
(คุณต้องส่งประวัติส่วนตัว ให้กับแผนกบุคคล)
เห็นมั้ยคะ personnel นำหน้า department เพื่อขยายบอกว่าแผนกอะไร

หรือเราอาจจะเห็นป้ายที่ติดอยู่ตามตึก หรือหน่วยงานต่างๆ
ที่มีคำว่า personnel อยู่บนนั้น เหมือนภาพตัวอย่างข้างล่าง
ซึ่งมีความหมายว่า "เฉพาะพนักงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น"

















เป็นยังไงบ้างคะ เลือกใช้ถูกยังเอ่ยว่าจะใช้ personal หรือ personnel
เลือกใช้ให้ถูกกับความหมาย และวางให้ถูกตำแหน่งด้วยยิ่งดีค่ะ
เป็นการเพิ่มความแม่นยำ และความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษของเรามากขึ้น

นี่ก็ยาวมากแล้วเนอะ พอดีกว่า เดี๋ยวจะเบื่อ 55555
แล้วเจอกันใหม่นะคะ วันนี้ไปแล้ว จุ๊บ (๐^.^๐)

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

look for vs. look forward to

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยหยิบ Phrasal Verbs มาฝากสองคำ
อ่าว บางคนอาจจะงงว่า Phrasal Verbs คืออะไร
พลอยขอขยายความอีกทีแล้วกันเนอะ ^^

Phrasal Verbs คือ คำกริยา + Particle (คำช่วย เป็นคำศัพท์สั้นๆ มักจะเป็นคำบุพบท)
เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะได้ความหมายที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เช่น put (v.) : วาง, ตั้ง + off (prep.) : ออกจาก
ถ้านำสองคำนี้มาแปลความหมายโดยตรง มันก็ออกจะงงๆ หน่อย
ซึ่งจริงๆแล้ว put off แปลว่า เลื่อนออกไป (ไม่เหลือเค้าความหมายเดิมเลยใช่มั้ยคะ 5555)
เอาล่ะค่ะ ในเมื่อทราบแล้วว่า Phrasal Verbs คืออะไร ก็มาดูคำที่พลอยเอามาฝากกันเลยดีกว่า

look for (someone or something) : มองหา, ค้นหา, หา
มักตามด้วยคำนามหรือคำสรรพนามที่เป็นกรรม
ลองดูสถานการณ์พวกนี้นะคะ
- นึกภาพตอนเราไปเดินซื้อของ แล้วเราก็เดินๆ มองหาของอยู่
พนักงานในร้านเห็น ก็เดินมาถามเราว่า
"May I help you? What are you looking for?"
(ให้ฉันช่วยไหมคะ? คุณกำลังหาอะไรอยู่เหรอ?)
เราก็ตอบไปว่า "Yes, please. I'm looking for some saucers."
(อ๋อค่ะ ช่วยที ฉันกำลังหาจานรองแก้วอยู่)
- ในขณะที่เรากำลังยืนรอเพื่อนอยู่ ชะเง้อคอมองหาเพื่อนในฝูงชน
อยู่ๆก็มีคนรู้จักเดินมาหา แล้วก็ถามเราว่า
"Who are you looking for?" (เธอกำลังมองหาใครอยู่?)
"I'm looking for Jane. I've been waiting for 15 minutes."
(ฉันมองหาเจนอยู่ ฉันรอมา 15 นาทีแล้วเนี่ย)

look forward to : ตั้งตาคอย
มักตามด้วยคำนาม คำสรรพนามที่เป็นกรรม และ Gerund (Ving)
ลองดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- I'm looking forward to your reply. (ฉันตั้งตาคอยคำตอบคุณเลยนะ)
- We look forward to seeing you again. (พวกเราตั้งตาคอยที่จะพบคุณอีกครั้ง)
มาดูในบทสนทนากันบ้าง
- สมมุติว่าเราจะไปพักร้อนที่ต่างประเทศสัปดาห์หน้า
เพื่อนก็เห็นเราตื่นเต้นซะเหลือเกิน เพื่อนเลยถามว่า
"Are you excited about your trip to Japan?" (เธอตื่นเต้นกับทริปไปญี่ปุ่นของเธอมั้ย?)
"Yes, I'm looking forward for it!." (ตื่นเต้นสิ ฉันตั้งตารอมันเลยล่ะ!)

เป็นไงบ้างคะ กับสองคำที่พลอยเอามาฝาก หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านกันนะคะ

แล้วไว้เจอกันครั้งหน้าค่ะ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตามน้าาาาา อิอิ (●*∩_∩*●)