วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Had better แนะนำว่าต้องทำ

ฮัลโหลลลลลลลลลลลลล มาต่อจากครั้งก่อนเรื่องคำแนะนำค่ะ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านภาคแรก ลองหาอ่านดูนะคะ จะอยู่แถบด้านขวามือ
หัวข้อว่า should / ought to ใช้คำไหนแนะนำดีนะ

วันนี้ขอเสนอคำว่า had better : ควร
โครงสร้างของประโยคบอกเล่าคือ S. + had better + V.inf
ส่วนประโยคปฏิเสธคือ S. + had better + not + V.inf
 * had better ใช้ในช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันหรืออนาคต
กลัวเห็นคำว่า had แล้วจะคิดเป็นอดีตไป อิอิ
** had better ไม่นิยมใช้ในประโยคคำถามค่ะ

เราใช้ had better เมื่อต้องการให้คำแนะนำที่เราคิดว่าผู้ฟังต้องทำ
ถ้าไม่ทำ อาจจะมีผลเสียหรือผลร้ายตามมา ถือเป็นการเตือนไปในตัวด้วย

➤ ลองดูสถานการณ์นี้นะคะ
มีแฟนคู่หนึ่งอยู่บนรถ กำลังจะขับรถไปต่างจังหวัด
ระหว่างนั้นผู้ชายก็เหยียบเพลิน ขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงจึงเตือนว่า
"You had better slow down. It's too fast. You may cause an accident."
(ตัวเองควรลดความเร็วลงนะ มันเร็วเกินไปแล้ว มันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้)
หรือ "You had better not run a red light. We'll get a ticket."
(ตัวเองไม่ควรขับรถฝ่าไฟแดง เราจะได้ใบสั่งนะ) << เดี๋ยวเสียค่าปรับอีก 5555

➤ ลองอีกสถานการณ์หนึ่งค่ะ
แม่สั่งให้ลูกๆ ทำความสะอาดห้องนอนของตัวเองให้เสร็จก่อนที่แม่จะกลับจากตลาด
ไม่อย่างนั้นจะถูกหักค่าขนม พี่ชายเลยบอกน้องชายว่า ...
"You had better clean up your room before mom comes home.
Otherwise, your pocket money will be deducted."
(นายควรทำความสะอาดห้องให้เสร็จก่อนที่แม่กลับบ้าน ไม่งั้นถูกหักค่าขนมแน่)
"You had better not ignore mom's order,bro."
(นายไม่ควรละเลยหรือเพิกเฉยต่อคำสั่งของแม่นะน้องชาย)

จากที่ยกตัวอย่างมา พอจะเข้าใจถึงสถานการณ์การใช้ had better กันแล้วเนอะ
ลองนำไปใช้บ่อยๆ นะคะ ทั้งสามคำเลย should, ought to และ had better
ฝึกใช้ในสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป จะทำให้เราเก่งในการเลือกใช้คำมากขึ้นด้วยค่ะ

แล้วเจอกันครั้งหน้านะคะ ไว้จะหาเรื่องราวที่น่าสนใจมากฝากกันอีกค่ะ
ไปแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา จุ๊บ  <("""O""")>♡.




วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

should / ought to ใช้คำไหนแนะนำดีนะ

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยหยิบเอาคำกริยาช่วย ที่ใช้ให้คำแนะนำมาฝากกันค่ะ
มีอยู่สองคำ นั่นก็คือ should และ ought to 

ทั้งสองคำนี้ มีโครงสร้างการใช้งานเหมือนกันคือ
S. + should, ought to + V.inf 
(V.inf คือ คำกริยารูปพิ้นฐานที่ไม่เปลี่ยนและไม่ผันรูป ไม่เติม s,es ใดๆทั้งสิ้น)
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

should : ควร / should not (shouldn't) : ไม่ควร
ใช้ในการให้คำแนะนำที่ผู้พูดคิดว่าดีต่อผู้ฟัง
ลองดูสถานการณ์นี้ค่ะ 
สาวๆ กำลังจะออกจากห้องพักไปซื้อของ แต่ข้างนอกแดดค่อนข้างแรง
เพื่อนคนหนึ่งเลยพูดว่า "You should take an umbrella." (เธอควรเอาร่มไปด้วยนะ)
หรือ "You should wear sunglasses." (เธอควรสวมแว่นกันแดดนะ) 
หรือ "You shouldn't go out in the sun without sunscreen."
(เธอไม่ควรตากแดด โดยที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดนะ)

ถ้าอยากใช้ในโครงสร้างประโยคคำถามก็ได้ เช่น
- Should I take an umbrella? (ฉันควรเอาร่มไปด้วยไหม?)
- Should she wear sunglasses? (เธอควรสวมแว่นกันแดดไหม?)

ought to : ควร / ought not to : ไม่ควร
ใช้ในการให้คำแนะนำที่ผู้พูดคิดว่าผู้ฟังจำเป็นและไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะทำสิ่งๆนั้น
ลองดูสถานการณ์นี้นะคะ
เพื่อนมาปรึกษาเรื่องการออกเดท ว่านี่จะเป็นการออกเดทครั้งแรกกับผู้ชายคนนี้
ด้วยความเป็นห่วง เพื่อนเลยบอกว่า 
"You ought to stay in public places, especially for the first few dates."
(เธอควรอยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดทครั้งแรกๆ) หรือ
"You ought to carry your cell phone so that you can call for help."
(เธอควรพกมือถือไปด้วย จะได้โทรเมื่อต้องการความช่วยเหลือ)
"You ought not to wear sexy outfits." (เธอไม่ควรแต่งตัววับๆแวมๆ)

ought to ไม่นิยมใช้ในประโยคคำถามค่ะ

เป็นไงบ้างคะ เลือกถูกมั้ยว่าจะใช้คำไหนในการให้คำแนะนำ
ครั้งหน้า พลอยมีอีกหนึ่งคำที่ใช้ให้คำแนะนำได้เหมือนกันมาฝาก
แต่จะเป็นการให้คำแนะนำที่ควรต้องทำ พอจะนึกออกมั้ยคะ ว่าเป็นคำว่าอะไร
ถ้ายังนึกไม่ออก ติดตามต่อในครั้งหน้านะคะ อิอิ 

ไปแล้วค่าาาาาาาาาาาา จุ๊บ ˋ( ° ▽、° )♡.








วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ใช้ as ... as บอกว่าเท่ากันได้นะ

สวัสดีค่ะ (^_^)/  วันนี้ฝนตก พายุเข้า เกือบทุกภาคของประเทศ
หรือเป็นเพราะพลอยกลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง 5555

เข้าเรื่องกันเลยเนอะ หัวข้อวันนี้คือการใช้ as ... as ในการเปรียบเทียบ
ในกรณีที่สองสิ่งที่เปรียบเทียบกันนั้น เท่ากัน หรือ ไม่เท่ากัน

เรามาดูโครงสร้างกันค่ะ
✫ ถ้าจะบอกว่าเท่ากัน : n. + be + as + adj. + as + n.
✫ ถ้าจะบอกว่าไม่เท่ากัน : n + be + not + as + adj. + as + n.
สองประโยคข้างบน ต่างกันแค่คำว่า not เท่านั้นเองค่ะ
แล้วก็อย่าลืมนะคะว่า ตรงกลางระหว่าง as ... as เป็นคำคุณศัพท์รูปปกตินะคะ

มาลองดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- My car is as expensive as yours. (รถของฉันแพงเท่ารถของคุณ)
- This house isn't as big as that house. (บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังนั้น)
- I am as busy as a bee. (เป็นสำนวน มีความหมายว่า ฉันยุ่งมากกกกกกกกกกกกก)
- Waterfalls are as attractive as mountains. (น้ำตกมีเสน่ห์น่ามองเหมือนภูเขา)

นอกจาก as ... as จะใช้กับคำคุณศัพท์ได้แล้ว ยังใช้กับคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ได้อีกด้วย
ในเมื่อคำกริยาวิเศษณ์ทำหน้าที่ขยายคำกริยาด้วยกันเอง
ตำแหน่งของ as ... as จึงอยู่หลังคำกริยาที่จะขยาย

ลองดูตัวอย่างประโยคค่ะ
- Smith can type as fast as John can. (สมิธสามารถพิมพ์ได้เร็วเท่าจอห์น)
- Sombat speaks English as well as Somchai. (สมบัติพูดภาษาอังกฤษได้ดีเท่าสมชาย)
- He isn't singing as loudly as he usually does.
(เขาไม่ได้กำลังร้องเพลงเสียงดังเหมือนที่เขามักจะทำ)

ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ ภาษาอังกฤษ ยิ่งฝึกยิ่งสนุก ไม่ยากเลยค่ะ
ลองแต่งประโยคสั้นๆ เปรียบเทียบสิ่งของที่อยู่รอบตัวดูก่อน
จะทำให้เราสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นค่ะ สู้ๆ นะคะ

วันนี้พลอยไปแล้วค่ะ ไว้เจอกันครั้งหน้านะคะ จุ๊บ ~~ ♡.