วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

don't understand vs. misunderstand

สวัสดีค่ะ เจอกันอีกตามเคย ไม่หายไปไหนหรอก อิอิ
วันนี้พลอยหยิบคำว่า don't understand กับ misunderstand มาฝากค่ะ
ทั้งสองคำ ต่างมีคำว่า understand ด้วยกันทั้งคู่
ต่างกันที่คำหนึ่งมี don't และอีกคำหนึ่งมี mis
เรามาเริ่มกันเลยค่ะ ヽ(*^ー^)人(^ー^*)ノ

 don't understand (v.) : ไม่เข้าใจ
เราอาจจะได้ยินคำนี้บ่อยๆ ใช้บอกเมื่อเราไม่เข้าใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
- I don't understand this formula.
ฉันไม่เข้าใจสูตรนี้เลย
- I don't understand why you did that.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงทำแบบนั้น
- I don't understand what she said.
ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร (ถ้าเจอชาวต่างชาติพูดแบบนี้ก็เฟลเนอะ 555)

 misunderstand (v.) : เข้าใจผิด
เช่น เมื่อวานเราประชุมกันเรื่องจะเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่
แต่เพื่อนคุณเข้าใจว่าเราจะเปิดร้านอาหารแบรนด์เดิม แต่เพิ่มสาขา
คุณก็สามารถบอกเพื่อนคุณได้อย่างสุภาพว่า ...
- You misunderstood.
คุณเข้าใจผิดแล้วนะ
- I think you misunderstood what we discussed yesterday.
ฉันคิดว่าคุณเข้าใจเรื่องที่เราปรึกษากันเมื่อวานผิดไปนะ
* ที่ใช้ misunderstood เพราะว่าเกิดการเข้าใจผิดไปแล้วนั่นเองค่ะ
หรืออาจใช้กับประโยคขอร้องก็ได้ค่ะ เช่น
- Please don't misunderstand me.
ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิดนะ

นี่แหละข้อแตกต่าง ไม่เข้าใจ กับ เข้าใจผิด
เลือกใช้ให้ถูกบริบทนและฝึกใช้บ่อยๆจะได้ชินค่ะ

วันนี้พลอยไปแล้วนะคะ เจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาาาา จุ๊บ  





วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

blow out vs. blow up

สวัสดีค่ะ วันนี้เอาคำว่า blow out และ blow up มาฝาก
จริงๆแล้ว ทั้งสองคำนี้มีหลายความหมายนะคะ
แต่พลอยจะขอพูดถึงความหมายที่แปลว่า "เป่า" ค่ะ
เรามาเริ่มกันเลยเนอะ ●^∀^●

 blow out (PHRV) : เป่า ซึ่งเป็นการเป่าให้ดับ, พัดออกไป
- A little girl is blowing out the candles on her birthday cake.
เด็กหญิงตัวเล็กๆ กำลังเป่าเทียนบนเค้กวันเกิด
- He will blow out a match after he lights it.
เขาจะดับไม้ขีดไฟ หลังจากที่เขาจุดมัน

► blow up (PHRV) : เป่า เป็นการเป่าลมเข้าไป ทำให้ใหญ่ขึ้น
- The children in this class are blowing up balloons for a party.
เด็กๆในชั้นเรียนนี้ กำลังเป่าลูกโป่งเพื่อใช้ในงานปาร์ตี้
- My kids usually blow up their swim rings before they go swimming.
ลูกๆของฉันมักจะเป่าลมห่วงยาง (เป่าด้วยปากหรือเครื่องก็แล้วแต่) ก่อนที่พวกเขาจะไปว่ายน้ำ 

นี่แหละค่ะเป็นข้อแตกต่างของทั้งสองคำนี้
เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยนะคะ

วันนี้เนื้อหาสั้นๆ ง่ายๆ เบาๆ ค่ะ
ไว้เจอกันครั้งหน้าน้าาาาาาาา วันนี้ไปแล้วจ้า จุ๊บบบบ 





วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

sorry for vs. sorry to

เฮลโหลลลลลลลลลลลล (^o^)/~~~
ช่วงนี้ฟังเพลง Hello ของเจ้าแม่ Adele บ่อยมาก
ฟังแล้วก็เออนะ ความหมายดี แถมมีเรื่องมาให้เขียนด้วย หุหุ
ส่วนใครที่ยังไม่ได้ฟัง ก็ลองฟังได้เลยค่ะ



เนื้อหาของเพลงก็ประมาณว่า นางเลิกกับแฟนได้หลายปีแล้ว
แต่ก็ยังรู้สีกค้างคา อยากโทรไปขอโทษ โทรไปเคลียร์เรื่องเก่าๆ ที่จบไม่ค่อยดี
และยังอยากถามถึงสารทุกข์สุขดิบของเขาอยู่
แต่โทรไปแล้วก็เหมือนฝ่ายนั้นไม่อยู่ หรือไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย

ท่อนที่พลอยจะหยิบมาพูดวันนี้ ก็คือท่อนฮุคเลยค่ะ ♫ ♬ ♪ ♭ ♪

Hello from the other side
I must have called a thousand times to tell you
I'm sorry, for everything that I've done
But when I call you never seem to be home
Hello from the outside
At least I can say that I've tried to tell you
I'm sorry, for breaking your heart
But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart anymore

ในเนื้อเพลงจะใช้คำว่า sorry for เพราะว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เกิดขึ้นแล้ว
sorry for สามารถตามด้วยคำนาม และคำกริยาเติม -ing ค่ะ
เหมือนประโยคแรก ตามด้วย everything ที่เป็นได้ทั้งคำนามและคำสรรพนาม
- ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป
ส่วนประโยคที่สอง ตามด้วย breaking เป็น gerund (คำกริยาเติม -ing)
- ขอโทษที่ฉันทำร้ายจิตใจของเธอ (ทำให้เธออกหัก)

ส่วนคำว่า sorry to ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นขณะนั้น 
และใช้เกริ่นนำได้ด้วย หลัง sorry to ตามด้วยคำกริยารูปพื้นฐานเท่านั้นค่ะ เช่น
- I'm sorry to bother you, but do you have a few minutes?
ขอโทษที่รบกวนนะ แต่คุณพอจะมีเวลาสักหน่อยไหม?
- I'm sorry to interrupt, but could you come with me for a second?
ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่คุณพอจะมากับฉันสักแป๊บนึงได้ไหม?
* เหตุการณ์กำลังจะเกิดขึ้น จึงใช้ sorry to เป็นการเกริ่นนำก่อนค่ะ

นี่แหละค่ะเป็นข้อแตกต่างในการใช้ sorry to และ sorry for
ฟังเพลงก็ได้ความรู้นะคะ ฟังบ่อยๆ สังเกตการใช้ภาษาบ่อยๆ
ไม่นานเราก็จะเก่งขึ้นเองค่ะ (●`-∀-)b

อ้อ .. ในเนื้อเพลงข้างบนจะเห็นว่าเขาใช้ it don't ทั้งๆที่ควรจะเป็น it doesn't
ก็เพราะว่าให้มันรื่นหู ร้องเข้าและร้องทันกับดนตรีค่ะ ไม่มีอะไรมาก อิอิ

วันนี้พลอยไปก่อนนะคะ เจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ จุ๊บบบบบบ 




วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

think about vs. think that

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยหยิบเอาคำว่า think about และ think that มาฝากค่ะ
ดูเผินๆแล้วทั้งสองคำนี้อาจจะคล้ายกัน แต่มีวิธีการใช้ที่ต่างกัน
มาดูกันเลยค่ะว่าต่างกันยังไง °º¤ø,¸¸,ø¤º°`°º¤ø*

► think about [PHRV] : คิด(เกี่ยวกับ)เรื่อง, คิด หรือตรึกตรอง
โดยการใช้ think about ต้องตามด้วย คำนาม = think about + noun
มาดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- I think about my new project all the time.
ฉันคิดเรื่องโครงการใหม่อยู่ตลอดเวลา
- She's thinking about her family.
เธอกำลังคิดเรื่องครอบครัวของเธออยู่
- What do you think about this music video?
คุณคิดยังไงเกี่ยวเอ็มวีเพลงนี้?
- He thinks about looking for a new job every day.
เขาคิดเรื่องการหางานใหม่ทุกวันเลย
* จำได้มั้ยคะ คำกริยาเติม -ing (gerund) ทำหน้าที่เหมือนคำนามคำหนึ่งค่ะ

► think that [v.] : คิดว่า
ส่วนการใช้ think that ต้องตามด้วย ข้อความ = think that + statement
บางท่านอาจจะงงว่า statement มันเป็นยังไง มาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะ
ส่วนประกอบของ statement ก็จะต้องมี ประธาน + คำกริยา + ส่วนขยาย
ลองดูตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ
- I think that Mario is handsome.
ฉันคิดว่ามาริโอ้หล่อนะ (หล่อจริงๆแหละ หุหุ)
- He thinks that vegetables are good for his health.
เขาคิดว่าผักดีต่อสุขภาพของเขา
- Do you think that sunglasses suit her?
คุณคิดว่าแว่นกันแดดนั้น เหมาะกับเธอไหม?
* เราสามารถละคำว่า that ได้ค่ะ เพื่อความกระชับในการพูดและเขียน
** เพิ่มเติมนิดหน่อยนะคะ คำว่า think ใน think that ไม่สามารถเติม -ing ได้
เพราะว่า think ในที่นี้เป็น non-action verb หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า stative verb
คำกริยาพวกนี้ เป็นกริยาที่แสดงถึงสภาวะภายในจิตใจ หรือความคิด ผู้อื่นรับรู้ไม่ได้
ถ้าเราไม่บอก ย้ำนะคะ ถ้าเราไม่บอก

เดี๋ยวพลอยจะเอาเรื่อง Non-Action Verbs (Stative Verb) มาเขียนนะคะ
ใจเย็นๆเนอะ เพราะมีอีกหลายเรื่องรอคิวอยู่ อิอิ

สำหรับวันนี้ เนื้อหากำลังพอดี ไม่ง่ายไม่ยากเกินไป
อ่านเล่นๆ แถมได้ความรู้ และยังสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ วันนี้ไปแล้วน้าาาาาา จุ๊บ (●´3`)~♪




วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

very vs. too

สวัสดีค่ะ (ตั้งแต่หัววันเลย) 。◕‿◕。
พอดีช่วงนี้ว้างว่างงงงงงงงงงงงงงงง อิอิ

วันนี้พลอยหยิบเอาเรื่อง very กับ too มาฝากกันค่ะ
ทั้งสองคำนี้มีความหมายคล้ายๆกัน คือ มาก และเป็น adverb (คำกริยาวิเศษณ์) เหมือนกันค่ะ
เมื่อพูดถึง adverb แล้ว ตำแหน่งหนึ่งของเค้าก็คือใช้นำหน้า adjective (คำคุณศัพท์)

เพราะฉะนั้นโครงสร้างก็คือ very/too + adjective

ทีนี้เรามาดูข้อแตกต่างในการใช้สองคำนี้ดีกว่าค่ะ

► very : มาก (ใช้ขยายคำคุณศัพท์ให้ชัดขึ้น) เช่น
- This box is very heavy, but I can lift it.
กล่องนี้หนักมาก แต่ฉันสามารถยกมันได้ (ฉันถึก 555) 
- The stain on my shirt is very small, but I can see it.
รอยเปื้อน(คราบ)บนเสื้อของฉัน มันเล็กมาก แต่ฉันก็ยังเห็นมันได้ 
(ตาดีจริงๆ ใครได้เป็นแฟนคงต้องระวังตัวหน่อยแล้ว หุหุ)

► too : มากเกินไป (ใช้ขยายคำคุณศัพท์ให้ชัดขึ้น และมีความหมายในเชิงลบ)
- Somtum is too spicy. She can't eat it.
ส้มตำเผ็ดเกินไป เธอกินไม่ได้เลย 
- The music is too loud. I can't hear you.
เสียงเพลงมันดังเกินไป ฉันไม่ได้ยินคุณเลย
* too ยังมีอีกความหมายหนึ่งคือ อีกด้วย ซึ่งการใช้งานก็ต่างออกไปค่ะ

เห็นข้อแตกต่างกันแล้วเนอะ เพราะฉะนั้นเลือกใช้ให้ถูกกับความหมายที่ต้องการจะสื่อนะคะ
แค่จำไว้ว่า อะไรที่มันมากเกินไป ก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ ให้ใช้ too ไปเลยค่ะ 

วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน 
ไว้เจอกันใหม่นะคะ ไปแล้วน้าาาาาาา จุ๊บ ❤ ♥





วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Quiz : used to vs. be used to

แบบทดสอบมาแล้วค่ะ ใครยังไม่มั่นใจ ลองกลับไปอ่านอีกรอบก็ได้นะคะ
ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้เลย (((((☆∀☆)ノ 
http://p-warid.blogspot.com/2015/11/used-to.html
http://p-warid.blogspot.com/2015/11/be-used-to.html

ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยเลยค่ะ (อย่าเพิ่งแอบดูเฉลยนะคะ)
จงทำประโยคให้สมบูรณ์โดยใช้ be used to หรือ used to และคำกริยาที่ให้ในวงเล็บ

1. This town (have) ___________ lots of trees and parks, but now it is mostly new
    apartments and supermarkets. I liked it better when it had more trees.
    I (be,not) ____________ all this change.
2. A : Where (you,live)___________ before you moved here?
    B : I lived in Japan.
    A : Really! That's really different from here. (you,live) _____________ here now?
    B : Not really. I miss the snow.
3. My boyfriend and I often cook spicy food, so we (eat)____________ mild food.
4. A : What (your husband,do)____________ before he became a
          president of the company?
    B : He (work)____________ as an account executive.
5. Richard has to travel a lot for his job. He (be)____________ away from home
    several times a year.
6. Kimiko's workweek is seven days long. She (work)_____________ on
    Saturdays and Sundays.
7. Chris spends weekends with his family now. He (attend)_____________ soccer
    game before he was married, but now he enjoys staying home with his son.
8. Anne has taught kindergarten for ten years.
    She (teach)____________ small children.
9. Julie went back to school to become a teacher. She (work)_____________ as
    a typist, but now she has a new job that she likes better.
10. You and I are from different countries. You (have)____________ fish for
      breakfast. I (have)_____________ cheese and bread for breakfast.
11. People (throw away)______________ their newspapers after reading them,
      but now many people recycle them.
12. Kazu wakes up at 5:00 every morning for work. After a year of doing this,
      he (get up)______________ early, even on weekends.


---------------------------------------------------------------------------------------------------
มาตรวจคำตอบกันเลยค่ะ
1. used to have, am not used to
2. did you use to live, Are you used to living
3. are not used to eating
4. did your husband use to do, used to work
5. is used to being
6. is used to working
7. used to attend
8. is used to teaching
9. used to work
 10. are used to having, am used to having
11. used to throw away
12. is used to getting up

---------------------------------------------------------------------------------------------------

เป็นยังไงบ้างคะ สนุกมั้ย่? ทำถูกทุกข้อรึป่าว?
ค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆค่ะ เดี๋ยวก็เก่งเอง สู้ๆ v(=∩_∩=)v

วันนี้พลอยไปก่อนนะคะ เจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ จุ๊บ