วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

In (the) front of และ In (the) back of

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยเอาคำบุพบท (Prepositions) มาฝาก
คำบุพบท มีหน้าที่เชื่อมคำต่างๆในประโยคเข้าด้วยกัน และใช้บอกตำแหน่ง
ตัวอย่างคำบุพบทที่เราคุ้นเคย และเจอบ่อย ก็จะมี in, on, at, under, between เป็นต้นค่ะ

ซึ่งในวันนี้พลอยยกมา 4 คำ ซึ่งมีความคล้ายคลีงกันมาก .. มาเริ่มกันเลยเนอะ

★  In front of : ข้างหน้า
อยากให้ลองนึกภาพคน กับรถบัสดูนะคะ ลองมาดูตัวอย่างประโยคค่ะ
Smith is in front of the bus. (สมิธอยู่ข้างหน้ารถบัส)
คำว่า In front of จะสื่อว่าอยู่ข้างหน้าจริงๆ คือยืนอยู่หน้ารสบัส ไม่ได้เข้าไปนั่ง

★  In the front of : ข้างหน้า
เหมือนเดิมค่ะ นึกภาพคนกับรถบัสนะคะ
Josh is in the front of the bus. (จอร์ชอยู่ข้างหน้าของรถบัส)
คำว่า In the front of จะสื่อว่าอยู่ข้างหน้า และอยู่ข้างในด้วย
แสดงว่าประโยคนี้ก็แปลจริงๆ ได้ว่า จอร์ช(นั่ง,ยืน)อยู่ข้างหน้าในรถบัส

★  In back of : ข้างหลัง
สถานการณ์เดิมค่ะ คนกับรถบัส << อีกแล้ว
Olivia is in back of the bus. (โอลิเวียอยู่ข้างหลังรถบัส)
คำว่า In back of ก็สื่อว่า อยู่ข้างหลังจริงๆ ไม่ได้เข้าไปนั่งในรถบัสเลย

★  In the back of : ข้างหลัง
เหมือนเดิมค่ะ คนกับรถบัส 5555
Joanna is in the back of the bus. (โจแอนนาอยู่ข้างหลังของรถบัส)
คำว่า In the back of จะสื่อว่าอยู่ข้างหลัง และอยู่ข้างในด้วย
ซึ่งเวลาแปล ก็จะมีความหมายได้ว่า โจแอนนา(นั่ง,ยืน)อยู่ข้างหลังในรถบัส

นี่แหละค่ะ ทั้ง 4 คำที่พลอยเอามาฝากกัน
ก็สรุปได้เลยนะคะว่า ถ้ามี the แทรกอยู่ จะแสดงว่าอยู่ข้างในด้วย
ถ้าไม่มี the ก็แปลตรงตัวได้เลย ว่าอยู่ข้างหน้า, อยู่ข้างหลัง
ข้อสังเกตก็มีเพียงเท่านี้แหละค่ะ ไม่ยากเลยเนอะ
ฝึกใช้บ่อยๆ ภาษาอังกฤษสนุก และไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ

วันนี้พลอยไปแล้วน้าาาาาาาา แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ จุ๊บ ★(◕‿◕❀)



วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

Will vs. Be going to "จะ" ที่แตกต่าง

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยหยิบเรื่อง Will และ Be going to มาฝากค่ะ
ทั้งสองคำนี้มีความหมายว่า "จะ" และเป็นกริยาช่วยเหมือนกัน
โครงสร้างก็จะเป็น will + Vsf / be + going to + V.inf
(อีกครั้งนะคะ V.inf คือคำกริยารูปพื้นฐาน ที่ไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้นค่ะ)

ก็ในเมื่อเหมือนกันซะขนาดนี้ เราจะแยกความหมายโดยนัยให้ออกได้ยังไงล่ะ
ไม่ยากเลย พลอยมีวิธีช่วยจำค่ะ มาลุยกันเลยดีกว่าเนอะ (๐^.^๐)

★ เริ่มจาก Be going to ก่อนเลยค่ะ
Be going to แปลว่า "จะ" ใช้พูดในสิ่งที่เราวางแผนไว้แล้วว่าจะทำ 
โครงสร้างคือ S + is,am,are + going to + V.inf
คือผู้พูดได้วางแผนไว้ ก่อนที่จะพูดออกมา .. ลองดูสถานการณ์นี้นะคะ
เพื่อนเจอเปิ้ลที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เห็นเปิ้ลซื้อน้ำตาลเยอะแยะ เพื่อนสงสัยเลยถามว่า
Her friend : Why do you buy a lot of sugar? 
(ทำไมเธอซื้อน้ำตาลเยอะแยะเลยล่ะ?)
Ple : Because I'm going to bake cake for my party tomorrow.
(เพราะฉันจะอบขนมเค้ก สำหรับงานปาร์ตี้วันพรุ่งนี้)

ลองดูอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่มีแผนไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ
พิมพ์ไปหาเพื่อนที่บ้าน แล้วเห็นพี่ชายเพื่อนถือแผ่นไม้เข้ามาในบ้าน
เพื่อนเห็นสีหน้าสงสัยของพิมพ์ เพื่อนจึงบอกว่า
"He is going to build a bookcase for his children." (เขาจะสร้างตู้หนังสือให้ลูกๆ ของเขา)

★ มาต่อกันที่ Will คำนี้มีความหมายว่า "จะ" เหมือนกัน
แต่มักใช้ในการ เสนอความช่วยเหลือ มากกว่าค่ะ
โครงสร้างคือ S + will + V.inf .. ลองดูสถานการณ์ต่อไปนี้กันค่ะ
เราเห็นคนถือของหนัก แล้วอยากช่วย ก็สามารถพูดได้ว่า
"I'll help you carry it" (ฉันจะช่วยคุณถือนะ)

พรุ่งนี้เพื่อนจะไปสนามบิน แต่ไม่มีคนไปส่ง แล้วเราอยากช่วยเพื่อน ก็สามารถพูดได้ว่า
"I'll give you a ride to the airport." (ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบินเอง)

เราหาของไม่เจอ หายังไงก็ไม่เจอ แม่เลยแนะนำว่า
"Tell your sister. She'll help you find it." (บอกน้องสิ น้องจะช่วยหา)

จากตัวอย่างทั้งหมด เราสามารถสรุปได้ว่า
ถ้ามีแผนการ (plan) อยู่ก่อนแล้ว ให้ใช้ Be going to
ถ้าอยากเสนอความช่วยเหลือ (offer) ให้ใช้ Will 

แต่ทั้งสองคำนี้ ก็ใช้ในความหมายที่เหมือนกัน อย่างหนึ่งคือ การคาดการณ์ ค่ะ
เช่น เพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ตั้งใจเรียนเท่าที่ควร เราก็เม้าท์มอยกับเพื่อนอีกคนว่า
"I think he will not pass the class." หรือ "He isn't going to pass the class."
(ฉันคิดว่า เขาจะสอบเลื่อนชั้นไม่ผ่านนะ) << เม้าท์แรง 555

นี่แหละค่ะ ข้อแตกต่างและข้อเหมือน ของทั้งสองคำนี้ ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ
ใช้บ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน ภาษาอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ๆ ค่ะ

วันนี้พลอยไปแล้วนะคะ เจอกันใหม่ค่ะ จุ๊บ ..♥♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥:::




วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

Can,Could ที่มากกว่า "สามารถ"

Hello ... Long time no see ✪
Do you guys miss me? (^_^)/

วันนี้พลอยหยิบเรื่อง Can กับ Could มาฝากกันค่ะ
ทั้งสองคำนี้ เป็นคำกริยาช่วย เพราะฉะนั้นโครงสร้างการใช้ก็จะเป็นดังนี้
can,could + Vsf  ส่วนรูปปฎิเสธก็จะเป็น can't,couldn't + V.inf
* V.inf คือ คำกริยารูปพื้นฐาน ที่ไม่เติม -s,-es,-ing,-ed ไม่เติมอะไรทั้งสิ้น 555

และทั้งสองคำ ยังสามารถใช้ได้หลายบริบทอีกด้วย เรามาดูกันเลยค่ะว่าใช้อย่างไรบ้าง

1. ใช้ในความหมายที่แปลว่า "สามารถ" << เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันแล้ว
Can ใช้ในความหมายที่เป็นปัจจุบันหรืออนาคต เช่น
- She can speak several languages. (เธอสามารถพูดได้หลายภาษาเลยนะ)
- I can't meet you at the cafeteria tomorrow. (พรุ่งนี้ฉันไปพบคุณที่โรงอาหารไม่ได้)
Could ใช้ในความหมายที่เป็นอดีต เช่น
- He could swim when he was eight years old. (เขาสามารถว่ายน้ำได้ ตอนอายุ 8 ขวบ)
- You couldn't read when you were one year old.
(ตอนเธออายุหนึ่งขวบ เธอยังอ่านหนังสือไม่ได้)

2. ใช้ Can ในความหมายที่เป็นเชิง "อนุญาต" เช่น
สมมติว่าแม่พูดกับลูกๆ ...
- You can watch TV after you finish your homework.
(ลูกๆจะดูโทรทัศน์ได้ ก็ต่อเมื่อลูกๆทำการบ้านเสร็จแล้วนะจ๊ะ) << คุณแม่ใจดีจัง อิอิ
- You can't have cookies if you don't finish your chores!.
(เธอจะไม่ได้กินคุกกี้ ถ้าเธอทำงานบ้านไม่เสร็จ!) << คุณแม่เริ่มโหด …(⊙_⊙;)…

3. ใช้ Could ในความหมายเชิง "ความเป็นไปได้" เช่น
- I see some dark clouds. It could start raining soon.
(ฉันเห็นกลุ่มเมฆดำ ฝนอาจจะตกเร็วๆนี้ก็ได้)
- Where's Alex? (อเล็กซ์อยู่ไหนเหรอ?)
I don't know. He could be at the mall. (ฉันไม่รู้ เขาอาจจะอยู่ที่ห้างฯ ก็ได้)

4. ใช้ Can I, Could I ในความหมายเชิง "ขอร้อง" แบบสุภาพ เช่น
- Can I please borrow your pen? (ฉันขอยืมปากกาของเธอหน่อยได้ไหม?)
- Could I leave a message for him, please? (ฉันขอฝากข้อความให้เขาหน่อยได้ไหม?)
การตอบคำถามประเภทนี้ ส่วนมากจะไม่ค่อยตอบ Yes,No
แต่จะมีสำนวนการตอบอีกลักษณะหนึ่ง เช่น Yes. Of course. / Certainly / Sure / Okay
ถ้าเป็นปฏิเสธก็จะเป็น I'm sorry, but ...... / I'm afraid ...... แล้วก็ใส่เหตุผลตามไปค่ะ
* Can I จะเป็นทางการน้อยกว่า Could I ค่ะ

5. ใช้ Can you, Could you ในความหมายเชิง "ขอความช่วยเหลือ, ความร่วมมือ" อย่างสุภาพ
- Can you please open the door for me? (คุณช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?)
- Could you come with me for a minute, please? (คุณช่วยมากับฉันแป๊บนึงได้ไหมคะ?)
* Could you จะสุภาพมากกว่า Can you ค่ะ

นี่แหละค่ะ คือบริบทต่างๆของ Can และ Could .. เยอะเนอะ
หลังจากหายไปนาน วันนี้จัดหนักให้เลยค่ะ 555

แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ จุ๊บ ❤