วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Repeated Comparative

สวัสดีค่ะ วันนี้หยิบเรื่อง Repeated Comparative มาฝากกัน
Repeated Comparative คือ การใช้คำเปรียบเทียบขั้นกว่าซ้ำกัน
เพื่อกล่าวถึง การเพิ่มขึ้นหรือการลดลง ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง
ถ้าแปลความหมาย จะแปลได้ว่า "...ขึ้น/ลง เรื่อย ๆ " เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ 

แต่ก่อนสิ่งใดนั้น เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Comparative กันก่อน
ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้อ่านเรื่อง Comparative ก็สามารถตามอ่านได้
ที่คลังบทความเก่าของบล็อก ด้านขวามือค่ะ

เรามาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยค่ะ (*≧▽≦)☆

การใช้ Repeated Comparative มีกฎอยู่ 2 ข้อ คือ

1. ถ้าเป็น Comparative เสียงสั้น ให้ใช้ Comparative นั้นซ้ำกันได้เลย โดยมี and เชื่อม
เช่น bigger and bigger, faster and faster, longer and longer เป็นต้น

2. ถ้าเป็น Comparative เสียงยาว ให้ใช้ more and more แล้วตามด้วย Comparative ตัวนั้น
เช่น more and more complicated, more and more interesting เป็นต้น

มาดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
- Gold is getting more and more expensive.
(ทองมันแพงขึ้นเรื่อย ๆ )
- Lisa is getting over on her operation. She feels better and better.
(ลิซ่าฟื้นตัวจากการผ่าตัดแล้ว เธอรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ )
- It's getting more and more difficult to see the director.
(มันเป็นการยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะพบผู้อำนวยการ)
- The sky is getting darker and darker.
(ท้องฟ้ามันมืดขึ้นเรื่อย ๆ )
- When we blow up a balloon. It's getting bigger and bigger.
(เมื่อเราเป่าลูกโป่ง มันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ )
- I can't stop reading this book. It's getting more and more interesting.
(ฉันหยุดอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เลย เพราะมันน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ )
- I think social problems are getting more and more violent.
(ฉันคิดว่าปัญหาสังคม มันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ )
- My math results are getting worse and worse.
(ผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์ของฉัน แย่ลงเรื่อย ๆ )

การใช้ Repeated Comparative ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แถมมีกฎอยู่แค่สองข้อเอง
ลองเอาไปฝึกใช้ ฝึกแต่งประโยคบ่อย ๆ ค่ะ จะได้ชินกับโครงสร้างของประโยค
เราจะได้มีความมั่นใจ และมีความหลากหลายในการเลือกใช้ประโยคมากขึ้น
ไว้ครั้งหน้า พลอยจะเอาเรื่องการใช้ Comparative ในความหมายอื่นมาฝากนะคะ
วันนี้ไปแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา บ๊ายบาย ★(◕‿◕❀)

( ...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*♥...*(¨`•.•´¨)♥ . * .`•.¸(¨`•.•´¨) * . * .♥ ♫~

รับสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ
รวมถึงแม่บ้านที่มีลูกๆ วัยน่ารักชั้นประถมศึกษา ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ
เพื่อพัฒนาตนเอง และสามารถนำไปสอนลูก ๆ ได้ สามารถติดต่อสอบถาม
ผ่าน Facebook Page เพียงแค่กดไลก์และทักมาทาง inbox ได้เลยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Superlative

สวัสดีค่ะ วันนี้นำเรื่อง Superlative การเปรียบเทียบขั้นสุด มาฝากกัน
การเปรียบเทียบขั้นสุดคือ การเปรียบเทียบตั้งแต่สามสิ่งขึ้นไป
เพื่อที่จะบอกว่า สิ่งไหนเป็นที่สุดในกลุ่มนั้นๆ
เช่น กระเป๋าใบนี้ใหญ่ที่สุด, รถคันนั้นแพงที่สุด, เธอคนนั้นพิมได้เร็วที่สุด เป็นต้น

ส่วนคำที่ใช้ในการเปรียบเทียบก็ใช้คำคุณศัพท์ (Adjectives) และคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs)
สามารถตามอ่านการใช้งานคำทั้งสองประเภทนี้ ได้ที่บทความเก่าของบล็อกด้านขวามือนะคะ

การที่จะทำให้คำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์เป็น Superlative นั้น มีกฎอยู่ไม่กี่ข้อตามนี้ค่ะ
* Superlative ต้องมี the นำหน้าคำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์

กฎของคำคุณศัพท์
1. เติม -est ท้ายคำคุณศัพท์เสียงสั้นได้เลย เช่น small - the smallest, long - the longest
2. คำคุณศัพท์สั้นๆ ที่ลงท้ายด้วยสระหนึ่งตัวและตัวสะกดหนึ่งตัว ให้เพิ่มตัวสะกดสุดท้าย
เข้าไปอีกหนึ่ง แล้วค่อยเติม -est เช่น big - the biggest, thin - the thinnest
3. คำคุณศัพท์สั้นๆ ที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม est
เช่น easy - the easiest, funny - the funniest, busy - the busiest
4. คำคุณศัพท์ที่มีสามพยางค์ขึ้นไป ให้เติม the most ใส่ข้างหน้า
เช่น beautiful - the most beautiful, important - the most important
5. คำคุณศัพท์บางคำเปลี่ยนรูป
เช่น good - the best, bad - the worst

กฎของคำกริยาวิเศษณ์
1. คำกริยาวิเศษณ์ที่ลงท้ายด้วย -ly ให้เติม the most ข้างหน้าได้เลย
เช่น carefully - the most carefully, loudly - the most loudly, fluently - the most fluently
2. เติม -est ท้ายคำกริยาวิเศษณ์หนึ่งพยางค์ได้เลย
เช่น hard - the hardest, fast - the fastest, late - the latest
3. คำกริยาวิเศษณ์บางคำเปลี่ยนรูปไปเลย
เช่น well - the best, badly - the worst, far - the farthest/furthest

* hard, fast, late, early สามารถเป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์

ส่วนใหญ่ในประโยค Superlative การเปรียบเทียบขั้นสุด จะมีคำต่อไปนี้
เพื่อบอกถึงความเป็นที่สุด ได้แก่ of all, in + place และ I have ever + V3

มาดูตัวอย่างประโยคกันเลยค่ะ
- That computer is the most expensive of all.
(คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นแพงที่สุดของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด(ในร้าน))
- My brother is the most talkative person in my family.
(น้องชายของฉันเป็นคนที่ช่างพูดที่สุดในครอบครัวของฉัน)
- This movie is the funniest movie I have ever seen.
(หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยดูมา)
- Asia the the biggest continent in the world.
(เอเชียคือทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
- Lisa's picture is the most beautiful of all.
(รูปภาพของลิซ่าเป็นรูปภาพที่สวยที่สุด)
- Somsri is the best student in the class.
(สมศรีเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในชั้น)
- Pooh speaks English the most fluently of all the students in his class.
(ภูพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วที่สุดจากนักเรียนในชั้นเรียนของเขา)

เป็นยังไงกันบ้างคะ Superlative กับ Comparative ก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่
มีกฎคล้ายกัน เพียงแค่เปลี่ยน er เป็น est เปลี่ยน more เป็น the most
เพียงแค่เลือกใช้ให้ถูกต้องกับบริบทและความหมายที่ต้องการจะสื่อ
ถ้าอยากเปรียบเทียบสิ่งนั้นกับสิ่งนี้ ให้ใช้ Comparative
แต่ถ้าอยากบอกความเป็นที่สุดของกลุ่ม ให้ใช้ Superlative

เนื้อหาก็ค่อนข้างยาวแล้วเนอะ งั้นวันนี้พลอยไปก่อนนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ ฟิ้ววววววววววววววววววววววววว (*≧▽≦)☆

( ...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*♥...*(¨`•.•´¨)♥ . * .`•.¸(¨`•.•´¨) * . * .♥ ♫~

รับสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ
รวมถึงแม่บ้านที่มีลูกๆ วัยน่ารักชั้นประถมศึกษา ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ
เพื่อพัฒนาตนเอง และสามารถนำไปสอนลูกๆได้ สามารถติดต่อสอบถามผ่าน
Facebook Page เพียงแค่กดไลก์และทักมาทาง inbox ได้เลยค่ะ


วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Comparative

สวัสดีค่ะ วันนี้เอาเรื่อง Comparative มาฝากกัน
Comparative ก็คือการเปรียบเทียบขั้นกว่า ใช้เพื่อเปรียบเทียบสองสิ่ง
ให้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้ง เช่น ไม้บรรทัดยาวกว่าปากกา, โต๊ะหนักกว่าหนังสือ,
สมชายสูงกว่าสมหญิง, มาลัยสวยกว่าจำปา, สมรักทำงานดีกว่าไพโรจน์ เป็นต้น

ส่วนคำที่ใช้ในการเปรียบเทียบก็ใช้คำคุณศัพท์ (Adjectives) และคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs)
สามารถตามอ่านการใช้งานคำทั้งสองประเภทนี้ ได้ที่บทความเก่าของบล็อกด้านขวามือนะคะ

การที่จะทำให้คำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์เป็น Comparative นั้น มีกฎอยู่ไม่กี่ข้อตามนี้ค่ะ

กฎของคำคุณศัพท์
1. เติม -er ท้ายคำคุณศัพท์เสียงสั้นได้เลย เช่น small - smaller, long - longer
2. คำคุณศัพท์สั้นๆ ที่ลงท้ายด้วยสระหนึ่งตัวและตัวสะกดหนึ่งตัว ให้เพิ่มตัวสะกดสุดท้าย
เข้าไปอีกหนึ่ง แล้วค่อยเติม -er เช่น big - bigger, thin - thinner, fat - fatter
3. คำคุณศัพท์สั้นๆ ที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม er
เช่น easy - easier, funny - funnier, busy - busier
4. คำคุณศัพท์ที่มีสามพยางค์ขึ้นไป ให้เติม more ใส่ข้างหน้า
เช่น beautiful - more beautiful, important - more important
5. คำคุณศัพท์บางคำเปลี่ยนรูป
เช่น good - better, bad - worse

กฎของคำกริยาวิเศษณ์
1. คำกริยาวิเศษณ์ที่ลงท้ายด้วย -ly ให้เติม more ข้างหน้าได้เลย
เช่น carefully - more carefully, loudly - more loudly, fluently - more fluently
2. เติม -er ท้ายคำกริยาวิเศษณ์หนึ่งพยางค์ได้เลย
เช่น hard - harder, fast - faster, late - later
3. คำกริยาวิเศษณ์บางคำเปลี่ยนรูปไปเลย
เช่น well - better, badly - worse, far - farther/further

* hard, fast, late, early สามารถเป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์

เมื่อได้ Comparative แล้ว เราก็นำมาใช้ในประโยคได้เลย
แต่การเปรียบเทียบขั้นกว่านั้น ต้องอาศัยคำว่า than ด้วย
ลองดูตัวอย่างประโยคข้างล่างนี่เลยค่ะ
- A sports car is more expensive than a motorcycle.
(รถสปอร์ตแพงกว่ารถจักรยานยนต์)
- My backpack is lighter than yours.
(การะเป๋าเป้ของฉันหนักกว่าของคุณ)
- Jordan can type more quickly than I can.
(จอร์แดนสามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าฉัน)
- Your composition is better than mine.
(เรียงความของคุณดีกว่าของฉัน)
- Susie speaks English more fluently than Susan.
(ซูซี่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าซูซาน)
- I live farther/further from school than my best friend does.
(ฉันอาศัยอยู่ไกลจากโรงเรียนมากกว่าเพื่อนรักของฉัน)
- A piece of paper is thinner than a book.
(แผ่นกระดาษบางกว่าสมุด)

ถ้าเป็นประโยคคำถาม เราสามารถละ than ได้ เช่น
- Which one is more delicious, a sandwich or a hamburger?
(อะไรอร่อยกว่ากัน แซนวิชหรือแฮมเบอร์เกอร์?)
- Which is cheaper, a computer or a smart phone?
(อะไรถูกกว่ากัน คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน?)

เป็นยังไงกันบ้างคะ การใช้ Comparative การเปรียบเทียบขั้นกว่า
การใช้ Comparative จะง่ายมาก ถ้าเราจำกฎของการเปลี่ยนคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ได้
และอีกสิ่งที่ควรจำได้คือ ต้องจำหน้าที่และการใช้งานของคำทั้งสองประเภทให้ได้
จะได้ใช้ได้ถูกความหมายและถูกบริบทด้วยค่ะ วันนี้เนื้อหาค่อนข้างยาวเนอะ
พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้ครั้งหน้าพลอยจะเอาเรื่อง Superlative มาฝากค่ะ
วันนี้ไปแล้วนะคะ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ╮( ̄▽ ̄)╭♡.

( ...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*♥...*(¨`•.•´¨)♥ . * .`•.¸(¨`•.•´¨) * . * .♥ ♫~

รับสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ
รวมถึงแม่บ้านที่มีลูกๆ วัยน่ารักชั้นประถมศึกษา ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ
เพื่อพัฒนาตนเอง และสามารถนำไปสอนลูกๆได้ สามารถติดต่อสอบถามผ่าน
Facebook Page เพียงแค่กดไลก์และทักมาทาง inbox ได้เลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560

What ... for ?

สวัสดีค่ะ วันนี้เอาการใช้ What ... for มาฝากกัน
What ... for ก็ใช้ในความหมายเหมือน How come นั่นแหละค่ะ
ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล เป็นอีกคำหนึ่งที่ใช้แทน Why ได้นั่นเอง
ครั้งก่อนพลอยได้พูดถึงการใช้ How come ไปแล้วเนอะ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน ก็ตามอ่านย้อนหลังได้เลยนะคะ

เรามาเข้าเรื่อง What ... for กันเลยดีกว่า
What ... for : ทำไม (ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล)
เราสามารถแปลงประโยค Why เป็น What ... for ได้ง่ายๆ
เพียงแค่จำไว้ว่า What อยู่หน้าสุด และ for อยู่หลังสุดค่ะ

ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ
- Why are you crying?
> What are you crying for?

- Why did he come?
> What did he come for?

- Why do we need to take a train?
> What do we need to take a train for?

- Why is she taking a cooking course?
> What is she taking a cooking course for?

- Why will you move to London?
> What will you move to London for?

- Why were you absent?
> What were you absent for?

เป็นยังไงกันบ้างคะ ไม่ยากเลยเนอะ
และความเหมือนของ What ... for กับ How come ยังไม่หมดค่ะ
เพราะทั้งสองคำนี้ใช้ในภาษาพูดที่ไม่เป็นทางการ และไม่ใช้ในภาษาเขียน
ถ้าจะใช้ในภาษาเขียน แนะนำให้ใช้ Why ค่ะ เพราะเป็นทางการที่สุดแล้ว

วันนี้เนื้อหาไม่เยอะ มาแบบสั้นๆบ้าง เพราะยาวมาหลายตอนแล้ว
กลัวอ่านไม่ไหว แล้วจะเบื่อกันซะก่อน 55555
ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ จุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบ (๐^.^๐)

วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560

How come ... ?

สวัสดีค่ะ เคยได้ยินวลี How come กันบ้างมั้ยคะ?
คำนี้แปลว่า "มาได้อย่างไร" รึป่าวนะ?
เอ๊ะ! หรือคำนี้มีความหมายอื่นซ่อนอยู่ เริ่มไม่แน่ใจแล้วใช่มั้ยล่ะ อิอิ
งั้นอย่ารอช้าค่ะ มาดูการใช้และความหมายที่แท้จริงของ How come กันเลยดีกว่า

How come : ทำไม 
How come เป็นอีกหนึ่งคำที่ใช้ถามหาเหตุผลเหมือน Why
ซึ่งโครงสร้างของประโยคคำถามที่ใช้ How come
จะแตกต่างจากโครงสร้างของประโยคคำถามทั่วๆไป

โครงสร้าง : How come + S. + V. ?
* ถ้ากริยาช่วยของประโยคนั้นเป็น Verb to do (do, does, did) ให้ตัดทิ้ง
และผันกริยาแท้ไปตาม Tense ยกเว้นประโยคปฏิเสธ
ลองดูตัวอย่างประโยคกันดีกว่าค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้น

- Why did he come last night?
> How come he came last night?
* ตัด did ที่เป็นกริยาช่วยออก แล้วเปลี่ยน come เป็น came
เพราะประโยคคำถามนี้เป็น Past Simple

- Why does he need more paper?
> How come he needs more paper?
* ตัด does ที่เป็นกริยาช่วยออก แล้วเปลี่ยน need เป็น needs
เพราะประโยคคำถามนี้เป็น Simple Present ประธานเป็นเอกพจน์กริยาเติม s, es

- Why didn't you see me?
> How come you didn't see me?
* มี did เป็นกริยาช่วย แต่ไม่ต้องตัดออก เพราะเป็นประโยคปฏิเสธ

ส่วนประโยคที่ไม่มี Verb to do ก็เรียงตามโครงสร้างของ How come ได้เลย
- Why are you so late?
> How come you are so late?

- Why can he go out at night?
> How come he can go out at night?

- Why are you going to Pete's house?
> How come you are going to Pete's house?

- Why will they move to another town?
> How come they will move to another town?

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับการใช้วลี How come พอจะชินกันรึยัง
พลอยอยากบอกอีกนิดนึงว่า How come นั้นใช้ในภาษาพูดที่ไม่เป็นทางการ
และไม่ใช้ในภาษาเขียนนะคะ ถ้าอยากจะใช้ในการเขียน แนะนำให้ใช้ Why ค่ะ

 วันนี้พอแค่นี้เนอะ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยย ~♡ . ( ̄▽ ̄)~*